โมจิ 〜วัฒนธรรมการกินของอิจิโนะเซกิ〜
ทำไมคนที่ฮิราอิซุมิ อิจิโนะเซกิ ถึงกินโมจิกัน?
เมื่อพูดถึง “โมจิ” แล้วคนอาจนึกถึงช่วงปีใหม่ แต่ไม่ใช่สำหรับที่ฮิราอิซุมิ อิจิโนะเซกิ ไม่เพียงช่วงปีใหม่หรือวันสิ้นปีเท่านั้น แต่ไม่ว่าวันสำคัญในการทำเกษตรกรรม เช่น ช่วงเริ่มดำนา เก็บเกี่ยวข้าว หรือช่วงเปลี่ยนผ่านฤดูกาลต่าง ๆ พิธีเริ่มการศึกษา พิธีจบการศึกษา พิธีการฉลองการย่างเข้าสู่วัยหนุ่มสาว พิธีแต่งงาน พิธีศพ และพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษก็จะต้องมีโมจิ ว่ากันว่าหากนับตาม “ปฏิทินวันกินโมจิ” ที่สืบต่อกันมาในท้องถิ่นแห่งนี้แล้ว จะมีมากกว่า 60 วันต่อปีเลยทีเดียว ตำโมจิกินและแบ่งปันทั้งความสุขและทุกข์ไปด้วยกัน โมจิเป็นส่วนสำคัญในการดำรงชีวิตเสมือนเป็นสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัว
กุญแจในการไขปริศนาจุดกำเนิดของ “วัฒนธรรมการกินโมจิ” นั้นต้องย้อนไปสู่ยุคเอโดะ ที่มีธรรมเนียมในการถวายโมจิแก่พระเจ้าในวันที่ 1 และ 15 ของทุกเดือน เพื่ออธิษฐานขอความปลอดภัย สันติภาพและกำหนดให้เป็นวันหยุดพักผ่อน ตามคำสั่งของผู้ครองแคว้นดาเตะที่ปกครองบริเวณอิจิโนะเซกิ ทว่าในความเป็นจริงที่เกิดขึ้นนั้น โมจิที่ถวายแก่พระเจ้าเป็นสีขาว ส่วนเหล่าเกษตรกรผู้ยากจนกิน “ชิอินะโมจิ” ซึ่งไม่ใช่โมจิสีขาว เนื่องจากผสมธัญพืชเข้ากับปลายข้าว ความพยายามในการดัดแปลงทำให้ “ชิอินะโมจิ” อร่อยนี้ เป็นสิ่งที่ทำให้วัฒนธรรมการกินโมจิแบบไม่เหมือนใครเฟื่องฟู
มีหลากหลายรสชาติ ไม่จำกัดเฉพาะถั่วแดงกวนหรือผงถั่วเหลืองคินาโกะ
ความหลงใหลในโมจิที่มีมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ยุคเอโดะได้เติบโตพัฒนาขึ้น ไม่หยุดอยู่เพียงแค่กินกับวัตถุดิบจากภูเขา เช่น ถั่วแดงกวน งา ผงถั่วเหลืองคินาโกะ ถั่วแระบดซุนดะ ฟักทอง ถั่วหมักนัตโตะ เท่านั้นแต่ยังใช้กุ้งฝอย ปลาโดะโจ และวัตถุดิบอื่น ๆ อีกมากมาย ว่ากันว่าจนถึงปัจจุบันมีวิธีการกินมากกว่า 300 แบบ มีทั้งวัตถุดิบหายากที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เช่น จูเนะ ซึ่งเป็นเมล็ดต้นเอโกมะที่นำไปบด รสชาติคล้ายกับวอลนัทและงา และฟุสุเบะ ทำจากปลาโดะโจย่างและรากไม้โกะโบบด ปรุงรสด้วยซอสโชยุและกินโดยโรยพริก ให้รสชาติแบบผู้ใหญ่ ในปัจจุบันมักจะใช้เนื้อไก่บดแทนปลาโดะโจ
นอกจากวิธีการกินที่กล่าวมา ยังมีเมนูต่าง ๆ เช่น ฟองดูว์โมจิที่เข้ากันได้ดีกับชีส พิซซ่าโมจิ กะหล่ำปลีห่อโมจิ พริกหวานยัดไส้โมจิ ไอศกรีมพาร์เฟต์โมจิ “วัฒนธรรมการกินโมจิ” ยังคงพัฒนาต่อไปแบบที่ในยุคเอโดะคาดไม่ถึง
วิธีการรับประทานโมจิที่ถูกต้อง
“โมจิฮนเซ็น” จะเสิร์ฟในพิธีทางการเช่น พิธีแต่งงาน หรืองานทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่คนตาย โดยจะมีโมจิถั่วแดงกวน ซุปโซนิ (ซุปใส่โมจิ) อาหารจากโมจิ หัวไชเท้าฝน หัวไชเท้าดองเสิร์ฟมาในถาดอาหาร เครื่องวัตถุดิบต่าง ๆ จะแตกต่างกันไปตามพิธีกรรม เช่น “ห้ามเสิร์ฟโมจินัตโตะในงานอวมงคล เนื่องจากจะทำให้ความทุกข์ยืดยาวออกไป” แต่วิธีการรับประทานนั้นเหมือนกัน
ก่อนอื่นใช้ตะเกียบคีบหัวไชเท้าฝน จากนั้นเริ่มรับประทานจากโมจิถั่วแดงกวนและเหลือหัวไชเท้าดองไว้ 1 ชิ้น ตามมารยาทการรับประทานตามพิธีการแล้วจะต้องจบด้วยซุปโซนิ ความลับในการเหลือหัวไชเท้าดองไว้ 1 ชิ้นก็คือเอาไว้กวาดชามให้สะอาดในตอนสุดท้ายเมื่อรับประทาน “เซ็นโนะยุ (น้ำร้อน)” นอกจากนี้ยังมีมารยาทในการรับประทานอื่น ๆ ที่สืบต่อกันมา เช่น สามารถขอเติมโมจิถั่วแดงกวนและซุปโซนิ แต่จะไม่เติมโมจิรสชาติแปลก ๆ เช่น โมจิราดวอลนัท โมจิราดขิง เป็นต้น
การวมตัวสุดยอดโมจิท้องถิ่น in อิจิโนะเซกิรวมเมนูโมจิอันเลื่องชื่อครั้งใหญ่จากทั่วประเทศ มีตั้งแต่อาหารจากโมจิแบบดั้งเดิม เช่น โมจิถั่วแดงกวน โมจิราดขิง ซุปโซนิ ไปจนถึงเมนูโมจิสุดสร้างสรรค์ เช่น โมจิตุ๋น โมจิเนื้อสับชุบแป้งทอด และยังมีเมนูของหวานโมจิ เช่น พุดดิ้ง เครป อีกด้วย งานนี้จัดมาตั้งแต่ปี 2012 ความสนุกของงานอยู่ที่การคอยลุ้นว่าจะมีเมนูโมจิอะไรปรากฏในงานบ้าง ศึกการต่อสู้โมจิอันร้อนแรงกำลังขยายตัวที่อิจิโนะเซกิ ดินแดนแห่งโมจิ
การแข่งขันวังโกะโมจิระดับประเทศไม่ใช่ “วังโกะโซบะ (โซบะที่เสิร์ฟในชามขนาดเล็ก)” อาหารดังประจำอิวาเตะ แต่เป็น “วังโกะโมจิ”! ที่จะถ่ายทอดวัฒนธรรมโมจิของอิจิโนะเซกิอย่างมีเอกลักษณ์ การแข่งขันวังโกะโมจิ จะให้คนลงสมัครแข่งขันโดยจับเป็นคู่หรือลงแข่งแบบเดี่ยว และแข่งกันว่าภายในเวลา 5 นาที สามารถกินก้อนโมจิขนาดพอดีคำที่ใส่ในชามได้เท่าใด เป็นการรวมตัว “นักกินโมจิ” จากในและต่างจังหวัดและทำการแข่งขันกันอย่างดุเดือด งานนี้เปิดรอผู้ที่มีความมั่นใจในการกินจุ ผู้ที่ชื่นชอบโมจิเหนือสิ่งอื่นใด ผู้ที่ต้องการทำลายสถิติ และผู้ที่อาจจะยังไม่สามารถเข้าแข่งขันได้แต่มีความสนใจอยากดูความสะพรึงนี้
ฮานาอิซุมิ เทศกาลฤดูร้อน งานแข่งขันสุดยอดการตำโมจิแห่งญี่ปุ่นงานแข่งขันสุดยอดการตำโมจิแห่งญี่ปุ่น” เป็นงานกิจกรรมหลักของเทศกาลฤดูร้อนฮานาอิซุมิ ทุกปีจะมีประมาณ 20 กลุ่มคณะเข้าร่วมตำโมจิแบบดั้งเดิมโดยใช้ครกและสาก แต่ละทีมจะใส่ชุดเหมือนกันในทีม สร้างความครึกครื้นในการตำโมจิด้วยการแสดง และแข่งกันทำอาหารโมจิสุดสร้างสรรค์ มีการแจก “อาหารโมจิที่แสนภูมิใจนำเสนอ” ที่ทำขึ้นกว่า 50 ชนิด แก่ผู้มาเข้าร่วมงานฟรี ให้ได้เพลิดเพลินไปกับรสชาติอันอุดมสมบูรณ์แห่งฮานาอิซุมิ